6 ปัจจัยทำร้ายผิว เลี่ยงไม่ได้ แต่สู้ได้

 6 ปัจจัยทำร้ายผิว เลี่ยงไม่ได้ แต่สู้ได้




    ทุกวันนี้เราจะเห็นว่าสาวๆ นิยมให้ผิวขาวใส และให้ความสำคัญกับผิวเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะทาครีมกันแดดก็ช่วยได้ 3-5 ชั่วโมง กางร่มกันแสง UVB เท่ากับ SPF 6.5 เท่านั้นกันแสงที่สะท้อนกับพื้นไม่ได้ สวมเสื้อแขนยาว กันแสง UVB เท่ากับ SPF 5 เท่านั้น และอีกอย่างประเทศไทยอากาศร้อนอบอ้าวเสื้อแขนยาวเป็นไอเทมที่ตัดทิ้งไปเลยค่ะ นั้นๆยังไม่หมดเท่านี้ กว่าจะได้ผิวขาวที่ต้องการสาวๆอย่างเราก็ต้องลงทุนเจ็บตัวไปฉีดวิตามินผิวขาว ถึงแม้จะต้องเจ็บตัวเพื่อแลกกับผิวขาวกระจ่างใสเราก็ยอม สาวๆ รู้มั้ยว่าปัจจัยหลักๆที่ทำร้ายผิวของเราดูหมองคล้ำดูไม่สดใสนั้นในแต่ละวันมีอะไรบ้าง ? อยากรู้แล้วใช่มั้ย มาไปดูกันเลย

6 ปัจจัยทำร้ายผิว เลี่ยงไม่ได้ แต่สู้ได้


1. อายุ

รู้หรือไม่เมื่ออายุเรามากขึ้น การซ่อมแซม และผลิตคอลลาเจน ก็น้อยลงเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุ 25 ปี เราจะสูญเสียคอลลาเจนไป 1.5% ทุกๆปี





2. แสงแดด

ประเทศไทยเราติดอันดับ 1ใน 3 ของประเทศที่มีระดับรังสี UV สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รังสี UV เป็นตัวที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเรามากที่สุด เพราะมันสามารถทะลวงผ่านชั้นผิวหนังของเราได้ เป็นเหตุให้เกิดผลอื่นๆ ตามมา เช่น ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย ตีนกา มะเร็งผิวหนัง อีกสารพัดสิ่งที่ทำให้ผิวหนังเสื่อมโทรม ซึ่งจะทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ง่าย นั้นมาจากแสงแดดที่เราต้องเจออยู่ทุกๆวัน ไม่ว่าจะแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ รังสี UV นั้นมีทั้งประโยชน์และโทษต่อมนุษย์ เพราะหากเรารับรังสี UV มากไป ก็จะทำให้ผิวของเราแสบไหม้ได้ และกลายเป็นผิวหมองคล้ำไปในที่สุด ซึ่งรังสีจากแสงแดดคือ UVB และ UVAที่มีอยู่ในแสงแดด  เป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า ฝ้าและกระ และหากผิวถูกทำลายมากก็เป็นสาเหตุการเป็นมะเร็งผิวหนังได้ และครีมกันแดดทั่วไปไม่สามารถป้องกันรังสี UV นี้ได้ 100% นะคะ



3. แสงสีฟ้า

ในชีวิตประจำวันของเรา ได้รับแสงจากหลอดไฟมากกว่าแสงจากดวงอาทิตย์เสียอีก แสงนั้นมาจากการเล่นมือถือ และทีวี นอกจากจะทำร้ายสายตาของเราแล้ว ยังทำร้ายผิวของเราได้ด้วย เนื่องจาก แสงสีฟ้านั้นคือรังสีชนิดเดียวกันกับแสงแดด ดังนั้นการนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ทีวี หรือเล่นมือถือนั้นก็ต้องปกป้องผิวเช่นเดียวกัน




4. มลพิษ

มลพิษ หรือ มลภาวะต่างๆ ที่เราต้องเผชิญในแต่ละวันเมื่อสะสมกันนานไปสามารถทำลายคอลลาเจนในชั้นผิวได้การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ และความชื้นของอากาศ ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่นได้ นอกจากนี้สารเคมีจากมลพิษก็ทำให้ผิวอ่อนแอ ส่งผลให้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย



5. ความเครียด

คุณเครียด = ผิวเครียด ความเครียดจากตัวเราไปกระตุ้นให้ร่างกายเราปล่อยฮอร์โมน และสารเคมีส่งผลให้การทำงานของผิวผิดปกติ ทำร้ายคอลลาเจน ทำให้หน้าแก่ เกิดรอยช้ำใต้ตา เป็นสิวได้ง่าย




6. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนน้อยจะกระตุ้นให้ร่างกายของเราปล่อยฮอร์โมนความเครียด ซึ่งไปทำลายคอลลาเจน ทำให้ Skin Barrier ทำงานได้ไม่เต็มที่ หรือมีความอ่อนแอลง ส่งผลให้เชื้อโรค แบคทีเรียเข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น ผิวแห้งหยาบกร้าน เพราะขาดน้ำ  






จะเห็นได้ว่า เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายของผิวได้เลย แต่เราสามารถบำรุง และปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายได้ด้วยตัวช่วยต่างๆ เช่น ครีมกันแดด ครีมบำรุงผิว ร่มกัน UV แต่แน่นอนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็มีข้อจำกัดต่างๆ ที่ไม่สามารถป้องกันผิวของเราได้ 100%



Renatar Aura Plus+ จึงเป็นตัวช่วยเด็ดดวงที่จะช่วยปกป้อง บำรุง ฟื้นฟู All in 1 
ผิวของคุณให้แข็งแรง ออร่า อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยส่วนผสมระดับ Upper Class ถึง 17 ตัว










ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

5 ร้านเด็ด เด็กบดินทร (สิงหเสนี) ไม่ควรพลาด

How To ดื่มชาในแบบผู้ดีอังกฤษแท้ๆ (ฉบับงานเลี้ยงน้ำชาชนชั้นสูง)

Rice Ceramide คืออะไร